เมนู

14. โภคสังหรณเปติวัตถุ



ในเวลาราตรี หญิงเปรต 4 ตน ถูกทุกข์ครอบงำ จึงพากัน
ร้องรำพันด้วยเสียงดังอย่างน่ากลัวว่า :-
[134] พวกเรารวบรวมโภคทรัพย์ไว้โดยชอบ
ธรรมบ้าง โดยไม่ชอบธรรมบ้าง แต่คนอื่น ๆ
พากันใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้น ส่วนพวกเรา
กลับมีส่วนแห่งทุกข์.

จบ โภคสังหรณเปติวัตถุที่ 14

อรรถกถาโภคสังหรณเปติวัตถุที่ 14



เรื่องนางโภคสังหรณเปรตนี้ มีคำเริ่มต้นว่า มยํ โภเค สํหริมฺหา
ดังนี้. เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ได้ยินว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในพระเวฬุวัน
มหาวิหาร หญิง 4 คน ในกรุงราชคฤห์ ทำการค้าขายด้วยเนยใส
น้ำผึ้ง น้ำมัน และข้าวเปลือกเป็นต้น ด้วยเครื่องนับโกงเป็นต้น
รวบรวมโภคะเลี้ยงชีพโดยไม่แยบคาย. เบื้องหน้าแต่ตายเพราะ
กายแตก หญิงเหล่านั้นไปบังเกิดเป็นนางเปรต อยู่ที่หลังคูนอกเมือง
ในเวลากลางคืน นางเปรตเหล่านั้น ถูกความทุกข์เข้าครอบงำ
ร้องบ่นเพ้อด้วยเสียงขรมน่าสะพึงกลัว ด้วยคาถาว่า :-

พวกเรารวบรวมโภคทรัพย์ไว้ โดยชอบ
ธรรมบ้าง โดยไม่ชอบธรรมบ้าง แต่คนอื่น ๆ
พากันใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้น แต่พวกเรา
กลับมีส่วนแห่งทุกข์.

มนุษย์ทั้งหลาย ฟังเสียงนั้นแล้ว กลัวสะดุ้งตกใจ เมื่อราตรี
สว่าง ตระเตรียมมหาทาน เพื่อภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
นิมนต์พระศาสดา และภิกษุสงฆ์ อังคาส ด้วยขาทนียะและโภชนียะ
อันประณีต เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เสวยพระกระยาหาร
เสร็จแล้ว นำพระหัตถ์ออกจากบาตรแล้ว จึงกราบทูลให้ทรงทราบ
ถึงเรื่องนั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสว่า อุบาสกและอุบาสิกา
ทั้งหลาย เสียงนั้นไม่มีอันตรายอะไร ๆ แก่ท่านทั้งหลาย ส่วนเปรต
ทั้ง 4 ตนนั้น ถูกความทุกข์ครอบงำ กล่าวถึงกรรมที่ตนทำชั่ว
ร้องไห้เสียงร่ำไร พลางกล่าวคาถานี้ว่า :-
พวกเรารวบรวมโภคทรัพย์ไว้ โดยชอบ
ธรรมบ้าง โดยไม่ชอบธรรมบ้าง คนอื่น ๆ พากัน
ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้น แต่พวกเรากลับเป็น
ผู้มีส่วนแห่งทุกข์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โภเค ได้แก่ อุปกรณ์พิเศษแห่ง
ทรัพย์เครื่องปลื้มใจ มีผ้าและอาภรณ์เป็นต้น อันได้ชื่อว่า โภคะ
เพราะอรรถว่าเป็นบุคคลพึงใช้สอย. บทว่า สํหริมฺหา ความว่า
ผู้มีจิตอันมลทินคือความตระหนี่ครอบงำ รวบรวมไว้ ไม่ให้อะไร ๆ

แก่ใคร ๆ. บทว่า สเมน วิสเมน จ ได้แก่ โดยชอบธรรม และ
ไม่ชอบธรรม อีกอย่างหนึ่ง ความว่า บัดนี้ คนอื่น ๆ ใช้สอยโภคะ
เหล่านั้น ที่เรารวบรวม โดยไม่ชอบธรรม อันเป็นของเทียมกับ
ความชอบธรรม. บทว่า มยํ ทุกฺขสฺส ภาคินี ความว่า ฝ่ายพวกเรา
บัดนี้ เป็นผู้มีส่วนแห่งทุกข์ใหญ่ อันนับเนื่องในกำเนิดเปรต คือ
เสวยทุกข์ใหญ่ เพราะตนไม่ได้ทำสุจริตอะไร ๆ ไว้ และทำแต่
ทุจจริต.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสคาถาที่นางเปรตนั้น กล่าวแล้ว
อย่างนี้ จึงตรัสประวัติของนางเปรตเหล่านั้น แล้วทรงกระทำเรื่อง
นั้นให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุแล้ว ทรงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ถึงพร้อม
แล้ว ทรงประกาศสัจจะสูง ๆ ขึ้นไป ในเวลาจบสัจจะ ชนเป็น
อันมาก บรรลุโสดาปัตติผลเป็นต้น ฉะนี้แล
จบ อรรถกถาโภคสังหรณเปติวัตถุที่ 14

15. เสฏฐิปุตตเปตวัตถุ



ว่าด้วยที่สุดไม่มี



พระศาสดาได้ตรัสพระคาถาที่เปรต 4 ตน ปรารภจะกล่าว
คนละคาถาให้บริบูรณ์ว่า :-
[135] เมื่อพวกเราพากันหมกไหม้อยู่ในนรก
6 หมื่นปีเต็มบริบูรณ์ โดยประการทั้งปวง เมื่อไร
ที่สุดจักมี.
ที่สุดไม่มี ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน ที่สุดย่อม
ไม่ปรากฏ แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ เพราะเรากับท่าน
ได้ทำบาปกรรมไว้.
พวกเราเหล่าใดไม่ให้ของที่มีอยู่ พวกเรา
เหล่านั้นย่อมเป็นอยู่ลำบาก เมื่อไทยธรรมมีอยู่
พวกเราไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน.
เรานั้นไปจากเปตโลกนี้ ได้กำเนิดเป็น
มนุษย์แล้ว จักเป็นผู้รู้ความประสงค์ของผู้ขอ
สมบูรณ์ด้วยศีล ทำกุศลให้มากเป็นแน่.

จบ เสฏฐิตปุตตเปตวัตถุที่ 15